ฟิลเลอร์ (Filler) สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด Hyaluronic Acid (HA) ผลิตขึ้นเพื่อเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกาย ใช้ทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิว คอลลาเจนและไฮยาลูรอน ที่ร่างกายจะสูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น นอกจากนี้ คุณสมบัติสำคัญของฟิลเลอร์ คือ มีความคงตัว จึงสามารถใช้ฉีดเสริมจมูก เสริมคาง และช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ถึงผิวชั้นใน ช่วยปรับสภาพผิว ทำให้รูขุมขนเล็กลง ผิวมีความยืดหยุ่น นุ่มนวลขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยสามารถฉีดได้หลายบริเวณบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม
- ใต้ตา
- ปาก (หัตถการเด่นๆของนามิ ตัวอย่างตามไฟล์แนบ)
- คาง
- หน้าผาก
- จมูก
- ขมับ
- ร่องแก้ม
ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่จำหน่าย:
- Restylane นำเข้าจากประเทศสวีเดน เป็นฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลกที่มีการผลิตและพัฒนา มาอย่างยาวนาน รวมถึงได้รับความนิยมอย่างมากจากทั่วโลก ได้รับความนิยมมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก มีการวิจัยเป็นจำนวนมากถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยหลังการฉีด ตัวยามีส่วนผสมของ Lidocaine เป็นยาชาที่ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บในระหว่างการฉีด มีความปลอดภัยสูง ช่วยเติมเต็มปรับรูปหน้าให้สวยอย่างเป็นธรรมชาติ ประกอบไปด้วย 2 เทคโนโลยี คือ NASHA technology และ OBT technology เป็นไฮยารูลอนิกแอซิด ที่มีความคงตัว ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หลังฉีด และมีคุณสมบัติในการช่วยดึงโมเลกุลที่เป็นน้ำรอบๆ เข้ามากักเก็บในตัวยาของฟิลเลอร์ได้ดีอีกด้วย หลังฉีดอยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น
- E.P.T.Q. จากประเทศเกาหลี ใช้กระบวนการผลิต ZEEP technology (Zero Endotoxin & BDDE Entire Process) ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความปลอดภัย ไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ด้วยปริมาณความเข้มข้นสูงถึง 24 mg/ml ซึ่งถือว่าสูง ส่งผลให้เนื้อฟิลเลอร์ค่อนข้างฟูเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ทุกรุ่นมียาชาผสม ทำให้ลดความเจ็บของคนไข้ได้ขณะทำการฉีด หลังฉีดอยู่ได้นาน 9-12 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น
- Neuramis จากประเทศเกาหลี เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในเรื่องของคุณภาพที่มาพร้อมกับราคาย่อมเยา เข้าถึงได้ง่าย ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา (USFDA) ยุโรป (EDQM) และไทย ทั้งยังผ่านกระบวนการผลิตด้วย SHAPE Technology ที่พัฒนาโดยบริษัท Medytox ประเทศเกาหลี หลังฉีดอยู่ได้ประมาณ 6–24 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น
- Biohyalux ด้วยเทคโนโลยี BioBT Technology เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปแล้วจะเกิดอาการบวมค่อนข้างน้อย เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง คงตัวได้ดี ไม่มีอาการบวมหลังฉีด ผลลัพธ์ยาวนานเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูงไม่แพ้ง่าย ผลิตโดยบริษัท Bloomage Biotech ที่เชี่ยวชาญด้านกรดไฮยาลูรอนิกมานานมากกว่า 20 ปี ได้รับความวางใจจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงถึง 4,000 แบรนด์ใน 70 ประเทศ นอกจากนี้ยังมีสถาบันวิจัยที่ศึกษาวิจัยการหมักจุลินทรีย์ ชีวการแพทย์ และยังมีบริษัทย่อยที่ตั้งอยู่ในประเทศอย่างอเมริกา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ปัจจุบันได้จำหน่ายใน 12 ประเทศทั่วโลก หลังฉีดอยู่ได้นานถึง 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น

อาหารที่ไม่ควรกินหลังฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีด Filler ห้ามกินอะไรบ้าง? มาดู 6 อาหารและเครื่องดื่ม ที่ควรหลีกเลี่ยงหลังฉีดฟิลเลอร์ มีดังนี้
1.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ฉีดฟิลเลอร์งดแอลกอฮอล์กี่วัน? ฉีดฟิลเลอร์ กินเหล้าได้ไหม? เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหลังฉีด ฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็น เบียร์ เหล้า และไวน์ ควรงดประมาณ 2 อาทิตย์ หรือในกรณีที่เลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ควรเว้นระยะประมาณ 2-3 วันหลังจากฉีดฟิลเลอร์ หากบริโภคแอลกอฮอล์หลังฉีดฟิลเลอร์ จะยิ่งทำให้อาการบวมแดงหายช้า และยังเป็นการกระตุ้นการอักเสบบริเวณที่เป็นแผลอีกด้วย
2. เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
คาเฟอีนในอาหารหรือในเครื่องดื่ม เป็นสิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยง หลังฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 2-3 วัน แม้ว่าในแต่ละวันเราอาจจะ ได้รับปริมาณคาเฟอีนไม่เกิน 200 มก. หรือไม่เกินวันละ 2 แก้วต่อวันอยู่แล้ว แต่ถ้าเราดื่มคาเฟอีนในปริมาณที่มากจนเกินไปจะส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัว แผลที่มาจากการฉีด ฟิลเลอร์หายช้าลงและเสี่ยงต่อการบวมมากขึ้น
3. อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ
หากไปฉีดปากกินอาหารทะเลได้ไหม? หลังฉีดฟิลเลอร์ สามารถกินอาหารทะเลได้ แต่ต้องเป็นอาหารที่ผ่านการปรุง สุกเท่านั้น เพราะอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบหรืออาหารแสลงเป็น อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหลังฉีดฟิลเลอร์เนื่องจากอาหารที่ไม่ได้ ผ่านการปรุงให้สุก หรือมีการปรุงสุกอย่างไม่ทั่วถึง ทําให้อาจ จะยังมีเชื้อโรคและพยาธิหลงเหลืออยู่ ซึ่งสิ่งปนเปื้อนเหล่านี้จะส่งผลให้แผลที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์หายช้าลงและทําให้แผลอักเสบได้
4. อาหารรสจัด
หลังฉีดฟิลเลอร์ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด หวานจัด เค็ม จัดประมาณ 2-3 วัน หรือถ้าให้ดีที่สุดให้งด 1 สัปดาห์หลังฉีด ฟิลเลอร์ เนื่องจากอาหารรสจัดเหล่านี้ส่งผลให้ร่างกายบวมน้ํา แผลของเราจะมีอาการบวมมากกว่าปกติ อีกทั้งหากกินอาหาร ที่มีน้ําตาลสูงมากเกินไปจะไปกระตุ้นการอักเสบของแผล และทําให้แผลหายช้าลงกว่าเดิมอีกด้วย
5. อาหารหมักดอง
อาหารหมักดองต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ดอง ผักดอง หรือ ๆ ปลาร้า ต่างก็เป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างน้อย 2 อาทิตย์ แรกหลังฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากอาหารประเภทนี้อาจมีการผลิต ที่ไม่สะอาดมากนัก ทําให้เสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อโรค ซึ่ง ถ้าร่างกายรับเชื้อโรคเหล่านี้มา อาจทําให้เกิดการอักเสบของ แผลและเกิดรอยช้ำได้ง่าย
6. อาหารอุณหภูมิสูง
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง คือห้ามถูกแสงแดด และหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่อุณหภูมิสูง เช่นห้องซาวน่าหรือบ่อน้ำร้อน ในช่วง 2 สัปดาห์แรก เนื่องจากอุณหภูมิสูง มีผลต่อการเซ็ตตัวของฟิลเลอร์ และยังทำให้ฟิลเลอร์ไหลไปยังเนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียง ทำให้ผลการรักษาออกมาไม่ดีอีกด้วยการทานของร้อนก็เช่นกัน หากฉีดฟิลเลอร์บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะการฉีดฟิลเลอร์ปาก บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์จะมีโอกาสสัมผัสกับความร้อนมากกว่าปกติ